Home | Current | Archives | About | Login | Notification | Contact | Search
 Songklanakarin : E-Journal of Social Sciences & Humanities > Vol. 3, No. 1 (1997) open journal systems 


แนวทางของศาสนาอิสลามเกี่ยวกับความตายและการปฏิบัติต่อคนไข้ในมรณวิถี

นูรุดดิน สารีมิง, ภาควิชาอิสลามศึกษา วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์


Abstract
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้า (อัลลอฮ) ได้ทรงประทานลงมาสำหรับมวลมนุษย์ชาติ เพื่อให้ยึดมั่นและปฏิบัติตามในการดำรงชีวิต พระองค์ได้แต่งตั้งนบีมุหัมมัดให้เป็นศาสนทูตให้มาเผยแผ่อิสลามตามคำสอนอของพระองค์ ตามที่ปรากฏในคัมภีร์อัลกรุอานและวจนะ (หะดีษ) ของศาสนา ช่วงชีวิตของมนุษย์ตามคำสอนของอิสลามมีห้าช่วง คือช่วงกำเนิดแห่งวิญญาณซึ่งเป็นช่วงกำเนิดครั้งแรกแห่งชีวิต ต่อจากนั้นเป็นช่วงกำเนิดของชีวิตในครรภ์มารดาซึ่งเป็นช่วงที่อัลลอฮได้เป่าวิญญาณเข้าในตัวมนุษย์ตอนอายุในครรภ์ได้สี่เดือน แล้วจะพัฒนาเติบโตจนถึงวาระครบกำหนดคลอดออกมา และย่างเข้าสู่ช่วงชีวิตที่สามอาศัยอยู่ในโลกปัจจุบัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่คลอดจนถึงวันตายจากโลกนี้ไป โดยมนุษย์ส่วนใหญ่จะมีอายุชัยประมาณ 60-70 ปี ช่วงกำเนิดอันดับที่สี่คือช่วงชีวิตแห่งโลกสุสาน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันตามจนถึงวันฟื้นคืนชีพอีกวาระหนึ่งของมนุษย์ในวันปรโลก คือ กิยามะฮหรือวันคิเราะฮ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของมนุษย์ชาติ โลกอาคิเราะฮเป็นโลกแห่งการตอบแทนและลงโทษ โดยมีสวรรค์และนรกเป็นสถานที่รองรับมนุษย์ ใครทำดีไปสวรรค์ ใครทำชั่วไปนรก และเป็นช่วงชีวิตที่นิรันดรและไม่มีการสิ้นสุด มนุษย์ในคำสอนของศาสนาอิสลามประกอบด้วยองค์ประกอบหลักสองส่วนคือส่วนที่เป็นร่างกายและส่วนที่เป็นวิญญาณ ร่างกายจะตายเมื่อถึงกำหนด ส่วนวิญญาณจะไม่ตายและไม่สลายแต่อย่างใด อัลลอฮเป็นผู้ให้มนุษย์เกิดและตาย อัลลฮคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของมวลมนุษย์ พระองค์ทรงกำหนดอายุขัยของทุกคน พระองค์เท่านั้นที่ทรงทราบว่าใครจะตายเมื่อใด ที่ไหน อย่างไร อัลลอฮห้ามไม่ให้มนุษย์อยากตาย แต่การตายนั้นเป็นข่าวดีและนำความสบายใจแก่บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อปรากฏมีผู้ป่วยในสังคมหรือในครอบครัว อิสลามได้ชี้นำเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยต่อตนเอง และข้อควรปฏิบัติของผู้ไปเยี่ยมผู้ป่วยไว้อย่างชัดเจน คือผู้ป่วยและทุกคนต้องตระหนักว่า แท้จริงการเจ็บปวดและการหายจากป่วยนั้นเป็นอำนาจและสิทธิของอัลลอฮเพียงผู้เดียวเท่านั้น ผู้ป่วยที่อดทนต่อความเจ็บปวดย่อมได้รับการลดบาปและได้รับกุศลจากอัลลอฮ ผู้ป่วยต้องเอามือของตนวางลงบนส่วนที่เจ็บแล้วขอพรพระเมตตาจากอำนาจการคุ้มครองของอัลลอฮ สำหรับผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยทั่วไปนั้น ต้องกล่าวทักทายและขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้หายจากอาการป่วยที่กำลังประสบ สำหรับการปฏิบัติและดูแลรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในมรณวิถีนั้น อิสลามได้เน้นให้ผู้ป่วยรำลึกถึงอัลลอฮเป็นหลัก หลังจากนั้นให้ขอพรให้แก่ผู้ป่วย พร้อมสอนให้เขาได้กล่าวประโยคปฏิญาณตนว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ” ความว่า “ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ” เพื่อให้เป็นคำกล่าวสุดท้ายในการอำลาโลก นอกจากนั้นญาติหรือลูกหลานหรือผู้รู้ทั่วไปควรอ่านอัลกุรอานบทยาสีนให้ฟังด้วย ทั้งนี้เพื่อสามารถปฏิบัติในสิ่งที่ได้กล่าวถึงข้างตนได้อย่างถูกต้อง และเมื่อมีผู้ตาย คนที่อยู่ใกล้ชิด หรือผู้ที่ทราบข่าวการตาย ต้องกล่าวว่า “ อินนาลิลาฮิ วะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน” ความว่า แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ คำสำคัญ : อิสลาม ผู้ป่วย ช่วงชีวิต ตาย พระเจ้า Islam is the religion that God (Allah) gives to man to believe and practice in daily life. Allah appointed the Prophet Muhammad to disseminate the Islam basics according to Allah’s order, as mentioned in the Holy Qur-an and Hadith. According to the Isoamic teaching, thered are five periods of man’s life. The first period is the origin of the spirit. This is the first period of man’s life. The second period is the origin of life in mother’s womb. In this period, God gives the spirit to man when it is four months in the mother’s womb and it rill grow until the time of birth. The third period is form the first day of birth until death. Mostly man’s life is around 60-70 years. The fourth period is that in the grave which begins on the day one dies and enters the life after death. The last period of man is the Judgement Day or Akirah day. This period is that of reward and punishment. There are heaven and hell waiting for the dead. Those who have lived virtuously will go to heaven and those who have lived sinfully will ho to hell. This period will last forever. Man in Islamic teaching is composed of two parts : the body and the spirit. The Body will die when the appointed time arrives, while the spirit will not die nor disappear. Allah gives man birth and death. Allah is the real purpose for all people; Allah determines the appointed term for every man. Only Allah Knows when, where and how a person will die. Allah forbids man to desire death, but is considered good news and brings happiness to all believers. On sickness, there is clear Islamic guidance on how a sick person should behave himself and how visitors should behave. According to Islam, everyone must be reminded that illness and cures are within the power and right of Allah only. Sick persons who endure pain will be blessed and his sin will be reduced by Allah. The sick person must put his hand on the painful part of his body and ask for Allah’s blessing. Visitors must greet the sick person and likewise ask for Allah’s blessing to cure the sick person’s illness. Concerning practices and treatment for a dying person, Islam emphasizes the importance of reminding the dying person of Allah. After that visitors should give him best wishes and tell him to say “Ia-I-Ia-ha-illallah” which means “there is no other God except Allah” so that these are his last words before death. They should read surrah “Yaa-sin” to the dying person so that his nearest kin, his children, his grandchildren or the religiously educated people will be able to correctly practice as mantioned above. When there is death, those who are close to the death or those who know the news of death must say “In-na-lillahi Wain-na-ilaihi rajiun” which means “to Allah we belong and to him we return” Key Words : Island, sick persons, periods of life, die, God


Full Text: PDF





Research
Support Tool
  For this
peer-reviewed article
  Context
  Action





Home | Current | Archives | Forum | About | Login | Notify | Contact | Search

Songklanakarin: E-Journal of Social Sciences & Humanities. ISSN: 0859-1113
*บทความทุกเรื่องจะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ *ข้อความและบทความในวารสารสงขลานครินทร์เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่เป็นความคิดเห็นของคณะผู้จัดทำและมิใช่ความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ *กองบรรณาธิการไม่สงวนลิขสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
*All articles submitted for publication will be assessed by a group of distinguished reviewers. *The university and the editorial board claim no responsibility for the contents or views expressed by the authors of individual articles. *Copying is allowed freely, provided acknowledgement is made thereof.

© since 1994. All rights reserved by Prince of Songkla University, Thailand

จำนวนผู้เยี่ยมชม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548