กิจรุ่งโรจน์, ., แซ่เซี้ย, ., คู่พันธวี, ., Kitrungrote, <., & Sae-Sia, W. (2010, October 15). ผลของการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนต่อความรู้ และทักษะการทําแผลของนักศึกษาพยาบาล
The Effects of Computer-assisted Instruction Program on Wound Dressing Knowledge and Skills of Nursing Students. Songklanakarin : E-Journal of Social Sciences & Humanities [Online], 16(3). Available: https://kaekae.oas.psu.ac.th/ojs/psuhsej/viewarticle.php?id=767.

ผลของการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนต่อความรู้ และทักษะการทําแผลของนักศึกษาพยาบาล
The Effects of Computer-assisted Instruction Program on Wound Dressing Knowledge and Skills of Nursing Students

ลัพณา กิจรุ่งโรจน์, ภาควิชาการพยาบาลศัลยศาสตร คณะพยาบาลศาสตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร
วิภา แซ่เซี้ย, ภาควิชาการพยาบาลศัลยศาสตร คณะพยาบาลศาสตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร
เนตรนภา คู่พันธวี, ภาควิชาการพยาบาลศัลยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

Luppana Kitrungrote, Department of Surgical Nursing, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University
Wipa Sae-Sia, Department of Surgical Nursing, Faculty of Nursing, Prince of Songkla University

Abstract

The purpose of this quasi-experimental study was to compare knowledge and skills of sophomore nursing students in wound dressing. The total 56 subjects was randomly divided into an experimental group (n = 28) and a control group (n = 28). A blended method of computer-assisted instruction (CAI) and in-class face-to-face instruction was administered to the experimental group, whereas the control group attended only in-class face-to-face instruction. The instruments composed of 1) lesson plan and CAI of wound dressing knowledge, 2) a questionnaire to measure wound dressing knowledge, and 3) a questionnaire to assess wound dressing skills. Data were analyzed using descriptive statistics, independent t-test, and paired t-test. The results showed that the mean scores for wound dressing knowledge of the experimental groups after intervention were significantly higher than before (p < .01). The mean difference of pre and post-test scores of wound dressing knowledge of the experimental group was significantly higher than that of the control group (p = .02). However, there was no significant difference in wound dressing skills between the experimental and control groups. The findings of this study suggest that the blended CAI and face-to-face instruction was useful for improving student’s knowledge of wound dressing. Therefore, this blended teaching technique should be applied to the nursing students to improve the students’ knowledge of wound dressing.

Keywords: computer-assisted instruction, knowledge and wound dressing skills, nursing students

บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้และทักษะเรื่องการทำแผลของนักศึกษา พยาบาลชั้นปีที่ 2 จำนวน 56 คน โดยนักศึกษาจำนวน 28 คนถูกสุ่มเข้ากลุ่มทดลองและได้รับบทเรียนคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอนรว่ มกับการสอนตามปกติ สว่ นนักศึกษาในกลุม่ ควบคุม จำนวน 28 คน ไดรั้บการสอนตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แผนการสอนและบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการทำแผล 2) แบบประเมิน ความรู้และ 3) แบบประเมินทักษะการทำแผล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ สถิติทีอิสระและสถิติทีคู่ผลการ ศึกษา พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้เรื่องการทำแผลภายหลังการสอนในกลุ่มทดลองสูงกว่าก่อนได้รับการสอน อย่างมีนัยสำคัญ (p < .01) และพบว่าความแตกต่างของค่า เฉลี่ยคะแนนความรู้ เรื่องการทำแผลภายหลังการสอนเมื่อ เปรียบเทียบกับกอ่ นการสอนของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p =.02)อย่างไรไรก็ตาม ทักษะการ ทำแผลภายหลังการสอนระหว่างกลุ่ม ทดลองและกลุ่ม ควบคุมไม่แตกต่างกัน ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการนำ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาร่วมใช้กับการสอนแบบปกติสามารถพัฒนาความรู้เรื่องการทำแผล ดังนั้น จึงควร นำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้เป็นบทเรียนเสริมให้กับนักศึกษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องการทำแผล

คำสำคัญ: คอมพิวเตอร์ช่วยสอน, ความรู้และทักษะการทำแผล, นักศึกษาพยาบาล

Full Text: PDF



Copyright for articles published in this journal is retained by the authors, with first publication rights granted to the journal. By virtue of their appearance in this open access journal, articles are free to use, with proper attribution, in educational and other non-commercial settings.

Original article at: https://kaekae.oas.psu.ac.th/ojs/psuhsej/viewarticle.php?id=767